ใคร ๆ ก็รู้ว่า Xiaomi เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับความไว้วางใจจากคนทั้งในและต่างประเทศ แต่ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งแบรนด์นี้จะกระโดดข้ามกรอบมาแจมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังบูมมาก ๆ ในตอนนี้ และก็ไม่ใช่ความฝันแบบลอย ๆ เพราะล่าสุดทางแบรนด์ได้จดทะเบียนตั้งบริษัทในชื่อ Xiaomi EV เรียบร้อยแล้ว
ไม่ใช่ข่าวลืออีกต่อไป เตรียมพับ Xiaomi EV ไม่นานเกินรอ
ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือออกมาพักใหญ่ ๆ ว่าแบรนด์ผลิตภัณฑ์ IT อย่าง Xiaomi กำลังจะกระโดดเข้ามาร่วมเล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และแน่นอนว่าในตอนนี้มันจะไม่ใช่ข่าวลืออีกต่อไป เพราะ Xiaomi ได้มีการออกมาประกาศว่าในตอนนี้ได้มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการแล้ว ในชื่อ Xiaomi EV Inc. ที่ใช้ทุนในการจดทะเบียนไปถึงหนึ่งหมื่นล้านหยวน หรือตีเป็นเงินไทยก็ประมาณห้าหมื่นล้านบาทเลยล่ะ
โดยทาง Xiaomi EV Inc. ได้จดทะเบียนไปแบบหมาด ๆ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา แต่ทว่าแบรนด์นี้ก็ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่พร้อมที่จะลุยตลาดแบบสุด ๆ เพราะตอนนี้ทางบริษัทมีพนักงานแล้วกว่า 300 ตำแหน่ง แถมมีแววว่าจะจ้างงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยนะ ที่สำคัญยังแว่ว ๆ มาว่าจะมีแผนอัดฉีดเงินลงทุนเพิ่มเติมอีกกว่า 10,000 ล้านบาทภายในเวลา 10 ปี

มีรายงาน Xiaomi EV อาจวางจำหน่ายในราวปี 2566
ซึ่งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Xiaomi ได้ทำการซื้อบริษัทสตาร์ทอัพจากจีนอย่าง DeepMotion เป็นจำนวนเงินกว่า 77 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,500 ล้านบาทไทย โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้พัฒนาในด้านเทคโนโลยีการขับรถยนต์แบบอัตโนมัตินั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีการรายงานเพิ่มเติมว่า Xiaomi ได้มีการวางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกในช่วงราว ๆ ปี 2566 และเป็นไปตามคาดการณ์ที่ว่า รถยนต์ไฟฟ้าของเสี่ยวหมี่จะสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เกือบทั้งหมดของแบรนด์ได้ นั่นจึงทำให้รถมีความโดดเด่น สะดวกต่อการใช้งาน และสบายต่อการเดินทางนั่นเอง ที่สำคัญรถยนต์รุ่นแรกของ Xiaomi อาจมีราคาต่ำกว่า 200,000 หยวน หรือ 1 ล้านบาท
รถยนต์ไฟฟ้า Autopilot มี 5 ระดับ อะไรบ้าง
- ระดับที่ 1 : จะมีระบบอัตโนมัติ ที่สามารถเข้าช่วยผู้ขับขี่ได้ เช่น การบังคับการเลี้ยว การเร่ง และการควบคุมความเร็วให้คงที่ รวมไปถึงการควบคุมยานพาหนะให้อยู่ในระยะที่ปลอดภัยที่สุดต่ออุบัติเหตุ แต่ทั้งนี้ในระดับ 1 ยังคงต้องใช้ความสามารถของมนุษย์ร่วมด้วย
- ระดับที่ 2 : จะมีระบบ ADAS เป็นการบังคับเลี้ยวอัตโนมัติคู่กับระบบความคุมอัตราเร่งและปรับความเร็วให้ประสานกัน ผ่านกลไกควบคุมที่ซับซ้อน โดยค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายค่ายได้มีการใส่เงินลงทุนกันมาอย่างเนิ่นนาน
- ระดับที่ 3 : ความสามารถในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และสามารถตัดสินใจเองได้อย่างชาญฉลาด เช่น การเร่งแซงรถที่ช้า แต่ทั้งนี้ระบบก็ยังคงต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ซึ่งต้องควบคุมร่วมทันทีหากเกิดความผิดพลาด
- ระดับที่ 4 : ไม่ต้องมีมนุษย์เข้าช่วยเหลือ โดยระดับ 4 สามารถจัดการความผิดปกติและความบกพร่องหลายจุดได้ พาหนะรูปแบบนี้จะสามารถทำงานในโหมดขับขี่ด้วยตนเอง หรือ Self-Driving Mode ได้อย่างสมบูรณ์
- ระดับที่ 5 : ไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ เลย เพราะระบบจะทำงานแบบ Dynamic Driving Task อย่างเต็มประสิทธิภาพ เทียบเท่าหรืออาจดีกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ ดังนั้นพาหนะระดับ 5 จึงไม่มีพวงมาลัย แป้นเหยียบคันเร่ง หรือเบรก

หากใครอนาคตสิ่งเหล่านี้ประสบความสำเร็จจริง ๆ โลกของเราก็อาจจะก้าวเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานของ Smart City ได้อย่างเต็มรูปแบบ ในส่วนของ Xiaomi EV แม้ว่ายังไม่มีการเฉลยออกมาว่าจะใช้ความอัตโนมัติในระดับใด แต่เชื่อว่าน่าจะทำออกมาได้ดีสมกับภาพลักษณ์ของแบรนด์แน่นอน
และรอดูในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราอาจจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์มือถือที่คุ้นเคยออกมาวิ่งตามถนนอีกจำนวนมากแน่ ๆ เพราะช่วงหลังมานี้หลายค่ายมือถือ อย่าง HUAWEI หรือ Apple ก็เริ่มมีข่าวประเภทนี้ออกมาเหมือนกับ Xiaomi และถึงแม้ว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้า แต่คิดว่าการเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญบนท้องถนนเช่นเดิม